4 พฤศจิกายน 2556

[148] บันทึกการรักษาโรคซึมเศร้า

"โรคซึมเศร้า" ตอนแรกผมเข้าใจว่ามันคือต้องมีอาการ "ซึม" และ "เศร้า" ตามชื่อของมัน แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคนี้หลัก ๆ คืออาการที่ทำให้เกิดอาการจิตใจและความรู้สึก "เศร้า" และ "หมอง" มากกว่า เพราะเมื่อเกิดอาการเศร้าหมอง แล้วอาการอื่น ๆ เช่น หงุดหงิด เบื่อ เซ็ง จนถึงซึม จะตามมาเป็นกระบุง ตามระดับความรุนแรงของอาการ




อาการเริ่มต้น

ตั้งแต่พอจะเข้าใจตัวเองก็คิดว่าตัวเองเป็นพวกชอบมองโลกในแง่ร้ายครับ คือ พอเรารู้สึกหรือคิดว่าไอ้นี่มันไม่ถูกใจเรา หรือไม่ดีสำหรับเรา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะมองว่าไอ้นี่ต้องทำเรื่องแย่ ๆ แน่ ๆ แม้หลัง ๆ คนรอบข้างจะค่อยว่าและบอกให้ปรับเปลี่ยนนิสัยแย่ ๆ ตรงนี้ซะ ซึ่งก็ดีขึ้นมาสามารถอยู่ร่วมกับชาวบ้านได้ดีขึ้น มีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น แต่แม้ว่าจะฝึกมาแค่ไหนแต่ถ้าต้องมาเจอโจทย์ยากมาก ๆ ก็คงต้องรับความพ่ายแพ้ และลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้งครับ

อาการที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าเข้าขั้นที่ควรไปหาหมอพบว่า ในช่วงประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มันมีอาการ "เบื่อ" ในกิจวัตรประจำวัน แล้วไง!? ใคร ๆ ก็เบื่อกันได้ ถ้าเบื่อกินผัดกระเพราเพราะคิดไม่ออกว่ากินไรดี -_-" อันนี้ก็แล้วไปแต่ดันไปเบื่อในเรื่องที่มันสนุก หรือเคยชอบมาก่อนนี่สิมันแปลก ๆ เช่น ทำงานเครียด ๆ เหนื่อย ๆ พอนั่งรถกลับบ้านคิดว่าจะกลับไปเล่นเกมที่โหลดมาต่อดีกว่า ซึ่งเกมมันสนุกมากเลยเล่นไปหลายสิบชั่วโมงแล้ว แต่พอมาถึงบ้าน นั่งหน้าจอคอมฯก็เกิดอาการ "เบื่อ-เซ็ง" ไม่อยากเล่นขึ้นมาซะงั้นเอาดื้อ ๆ ซะงั้น!!! แต่ก็ทำใจช่างมันนั่งเล่นเกมไปก็พบว่าก็เล่นได้สนุกปกติดี

ความคิดอีกอย่างที่น่าเป็นห่วงคือ "เดี๋ยวก็ตายแล้ว จะคิดทำโน้นทำนี่ไปทำไม" เฮ้ย!!!! อะไรฟ่ะ คือ งงตัวเองว่า ทำไมไอ้ความคิดจำพวก "สิ้นหวัง" มันผุดขึ้นมาในสมองบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ พอมันผุดขึ้นมาก็ทำให้เรา "เบื่อ-เซ็ง" ไม่อยากทำอะไร วันหยุดทั้งทีก็เอาแต่นอนกลิ้ง ๆๆๆๆๆๆ แบบเบื่อ ๆๆๆๆ แล้วก็ทำกิจกรรมที่อยากทำซะงั้น (อ้าวไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ :P) และที่สำคัญคือ พอเราเบื่อ-เซ็ง มันทำให้หงุดหงิดและผลที่ว่ามันจะไปตกกับคนในครอบครัวเราครับ ซึ่งทำให้คนอื่นไม่มีความสุขไปด้วย เช่น เราไปหงุดหงิดกร้าวร้าวใส่ แสดงอาการเบื่อโลกให้เห็นเป็นต้น

จะไปรักษาก็ต้องเริ่มจากยอมรับว่าป่วยเสียก่อน

ปัญหาใด ๆ ก็ตามจะได้รับการแก้ไข ถ้าเรายอมรับว่ามันมีปัญหา การยอมรับปัญหาบางทีมันก็ดูจะเป็นยาก เรื่องน่าอาย หรือน่าขายหน้าในสังคม เพราะคนอื่น ๆ จะมองเราว่าเป็นโรคจิต ผิดปกติ แล้วไง!!....แคร์สังคมแล้วสังคม(ห่วย ๆ)มันช่วยอะไรเราไหม ก็เปล่า...มีแต่ซ้ำเติมมองเราเป็นตัวประหลาด!!! การยอมรับปํญหา นอกจากจะทำให้มีกำลังใจที่จะรักษาโรคซึมเศร้าแล้วยังทำให้คิดมองไปข้างหน้าเพื่อมีชีวิตต่อไป (ทำไงได้ก็มันยังไม่ตาย)

แต่เรื่องโรคซึมเศร้า ที่เจอมาหลาย ๆ คนจะไม่อยากยอมรับว่ามันเป็น ยิ่งพวกที่อยากมีหน้ามีตาในสังคม(รวมถึงที่ตอแหลสร้างภาพฯ) จะไม่ยอมรับว่าเป็น จึงทำให้ไม่ได้รับการรักษา 

การรักษาเมื่อเริ่มเป็นกับตอนที่เป็นหนัก ๆ มันรักษายากต่างกัน (ยาแพงกว่ากันมากด้วย) ที่เจอกับตัวเองมีญาติที่เป็นโรคนี้จนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จนต้องไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า(อาการหนักแล้ว) เขาก็ไม่ยอมรับแถมแสดงอาการกร้าวร้าวด่าหมออีก -_-" เรื่องนี้ญาติ ๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นแต่บอกไปเขาก็ไม่ยอมรับไม่ไปหาหมอ พอหนัก ๆ เข้าก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ เหอะ ๆ

แค่โรคซึมเศร้า ยังไม่ได้บ้า

โรคซึมเศร้านี่ถือว่าเป็นสับเซ็ตของโรคจิตเภทน่าจะได้ เพราะจิตเภทคืออาการหนักล่ะ ที่หลาย ๆ คนเรียกคนพวกนี้ว่าป่วยเป็น "โรคจิต" หรือ "คนบ้า" นั้นแหละ โรคซึมเศร้าอาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ความรุนแรงยังต่างกันมาก เพราะยังเป็นช่วงแค่สารเคมีมีปริมาณมากหรือน้อยผิดปกติ และยังสามารถใช้ชีวิตในตามปกติไม่แตกต่างจากคนอื่น ๆ แต่คนใกล้ชิดจะสามารถสังเกตเห็นอาการผิดปกติได้ ถ้ารักกันจริงก็ควรดูแลและพาไปหาหมอแต่เนิ่น ๆ นะครับ เพราะยิ่งรักษาเร็วก็ยิ่งหายเร็ว และที่สำคัญหาควรหาสาเหตุตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวด้วยจะดีมาก

สำหรับตัวผมเองสาเหตุหลัก ๆ การเป็นโรคซึมเศร้าน่าจะมาจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวที่ต้องเจอคนที่ไม่ถูกใจบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่เจอจะรู้สึกแย่ ไอ้ความรู้สึกแย่ ๆ เนี่ยที่มันเกิดขึ้นได้เพราะร่างกายเราจะหลังสารเคมีที่ทำให้รู้สึกแย่นั้นแหละ และพอมันเจอบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ มันก็จะมีปริมาณมากขึ้น ๆ จนทำให้สมองทำงานผิดปกติ คิดแต่เรื่องแย่ ๆ เบื่อหน่ายสิ่งรอบ ๆ ตัวแทน

ถึงแม้การแก้ปัญหาต้องแก้ไขที่ตัวเรา แต่คงยากที่จะแก้ไขได้ 100% ถ้ายังต้องวนเวียนอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าอกหักแล้วยังตั้งรูปอดีตแฟนให้เห็นหน้า ที่โต๊ะ ที่หัวเตียง ให้เราได้เห็นทุกวัน แล้วมันจะหายเศร้าไหม แต่ถ้าเราหายอกหักแล้ว กลับมาดูรูปอาจไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ อาจจะเฉย ๆ หรือรู้สึกเซ็ง ๆ หรือคิดถึงเรื่องดี ๆ แทนก็ได้ใช่ไหมล่ะ สิ่งเดียวกันแต่เมื่อเจอในขณะที่อารมณ์ต่างกันผลที่ได้ก็จะต่างกันด้วย

ถึงตัวเองจะทำใจกับเรื่องรอบ ๆ ตัวได้แล้ว แต่สภาพตอนนี้มันผ่านสนามรบมาจนต้องซ่อมแซมให้เข้าที่เข้าทางก่อน ไม่งั้นก็ต้องเจอภาพเดิม ๆ คอยทำให้รู้สึกแย่ ๆ ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งคิดว่ามนุษย์เงินเดือน หรือพวกลูกจ้างที่ต้องทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ น่าจะเจอแบบนี้กันบ่อย ๆ ได้ ซึ่งภูมิต้านทานแต่ละคนก็คงแตกต่างกันไป 

ผลการรักษา

ถือว่าผมโชคดีที่มีคนใกล้ชิดเป็นคนอารมณ์ดี และมองโลกในแง่ดี โกรธยากหายเร็ว เวลาผมหงุดหงิดใส่เขาก็จะบอกว่าไม่ชอบที่เป็นแบบนี้ ทำให้มีสติคิดได้ว่าเราหงุดหงิดใส่เขาไปทำไม ผมเลยใช้สิทธิประกันสังคมไปรักษาซะเลย สรุปประเด็นที่ได้ไปรักษามา
  • หมอบอกว่าเรายอมรับว่าเป็นโรค ก็เหมือนได้เริ่มสกิดหัวหนองแล้ว พอได้รักษาเดี๋ยวก็หาย
  • หมอแนะนำเรื่อง "สติ" คือให้ทำอะไรมีสติอยู่กับตัว เช่น ออกกำลังกายแกว่งแขวนแล้วนับ เพื่อให้สมองจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น ทุกวันนี้เวลาเดินกลับบ้านก็นับก้าว ซึ่งก็ได้ผลดีเลยทีเดียว จิตใจสงบขึ้น
  • ได้ยานอนหลับ+ลดอาการซึมเศร้า มากิน 1 เดือน ตอนนี้กินไปแล้ว 1 สัปดาห์ อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน คือ ความคิดแย่ ๆ เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คิดว่าถ้ากินจนครบก็น่าจะหายแล้ว
โรคซึมเศร้า ไม่ใช่เป็นโรคที่น่ารังเกียจ ยังคุยกันรู้เรื่อง คนเป็นกันเยอะ แต่ยอมรับและรักษากันน้อย ยาที่ผมกินอยู่ตกเม็ดไม่ถึงบาท (Fluoxetine 20 mg.) แต่ถ้าเป็นหนัก ๆ อาจต้องใช้ยาราคาถึงเม็ดละ 50 บาท ดังนั้นรีบรักษาแต่เนิ่น ๆ หายง่าย ยาถูก แถมผลข้างเคียงน้อยด้วย

เวลาที่จิตใจแย่ ร่างกายก็จะพลอยแย่ไปตาม โรคซึมเศร้าแม้จะมาจากหลายสาเหตุ แต่หลัก ๆ คือปัญหาที่สารเคมีในสมองที่มีผลกับอารมณ์ ได้แก่ สีโรโทนิน (Serotonin) นอรเอปิเนพริม (Norepinephrine) และโดปามีน (Dopamine) มีปริมาณผิดปกติ
สารเคมีที่มีผลต่ออารมณ์ จาก Wikipedia
ภาพการทำงานของสื่อประสาท จาก Wikipedia
การกินยาเพื่อปรับระดับสารเคมีเหล่านี้จะช่วยให้สภาพจิตใจเข้าสู่สภาวะปกติ แต่เมื่อหายแล้วก็ยังต้องคอยดูแลตัวเองและเสมอ ๆ ครับ ถ้าไม่จำเป็นหรือหลีกเลี่ยงได้ก็อย่าไปอยู่ในจุดที่เป็นสาเหตุของปัญหาน่าจะดีที่สุด แต่ถ้าทำไม่ได้ เดินนับก้าว เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อย่าไปสนใจน่าจะช่วยได้บ้าง ที่สำคัญรักตัวเองมาก ๆ หาเรื่องที่มีความสุขทำ เพราะเราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ พอถึงวันนั้นจะได้ไม่ต้องเสียใจว่าใช้ชีวิตไม่คุ้ม ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับเจ้าของบล๊อก