21 กันยายน 2556

[141] เม้าส์มอยเรื่องกล้องถ่ายภาพ KIEV จนมาใช้ Canon EOS M

เพิ่งซื้อกล้องตัวใหม่มาครับ เป็นกล้อง mirrorless ตัวแรกในชีวิต ที่ผ่านมาใช้แต่กล้อง ปญอ. เสียเป็นส่วนใหญ่ เคยสนใจกล้อง DSLR เหมือนกัน แต่ด้วยราคาที่เกินงบไปมาก ขนาดที่ใหญ่โต เลยยังไม่คิดจะเสียเงินซื้อมาใช้ ก็ยังวนเวียนอยู่กลับกล้องที่ถ่ายเล่น ๆ ไม่เน้นคุณภาพมากมาย จนได้ iPad mini กล้องที่แถมมาถึงว่าดีเลย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ในสภาวะแสงน้อยมันก็ยังมี noise อยู่พอสมควร ทำให้รู้สึกว่าพวกกล้องคอมแพ๊คกับที่ถ่ายจากมือถือพอเอามาดูจริง ๆ คุณภาพดูไม่สบายตาเอาเสียเลย ยิ่งพอดูแบบ 1:1 pixel จะเห็นเลยว่าเม็ดสีแต่ละ pixel มันแยกออกจากกันชัดเจนไม่นวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนภาพที่ได้จากกล้อง DSLR ทำให้เริ่มทนไม่ไหว เลยได้ฤกษ์ยืมกล้องเพื่อนมาลองเล่นดูเพื่อค้นหาว่าตัวเองเหมาะกับการเล่นกล้องที่มีฟังก์ชั่นเยอะ ๆ รึเปล่า? คุ้มไหมถ้าจะซื้อกล้อง mirrorless



ไหน ๆ จะเขียนเก็บเอาไว้แล้ว ก็เลยคิดได้ว่าตัวเองก็ใช้กล้องมาตั้งแต่เด็ก ๆ มีเรื่องสนุก ๆ ลองผิดลองถูกมากมายเลยรำลึกความหลังสักหน่อย โดยเฉพาะตอนเด็ก ๆ สมัยนั้นสำหรับครอบครัวพอมีพอกินไม่เหลือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กล้องและการถ่ายภาพถือว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยมากครับ จะถ่ายเฉพาะโอกาสสำคัญ ๆ เท่านั้น เช่น เช็งเม้ง งานแต่งงาน

กล่องฟิล์มตัวแรกที่อาป๊าให้มา

ตอนเด็กประมาณ ม.ต้น อาป๊าไปได้กล้องไม่รู้ว่ามือที่เท่าไหร่ เป็นกล้องรัสเซียยี่ห้อ KIEV ที่ได้มาเป็นรุ่น KIEV 19 ใช้กับฟิล์ม 35มม. ตอนที่ได้มาทั้งพ่อทั้งลูกใช้กันไม่ค่อยเป็นครับ (๑•́ ₃ •̀๑) ต้องไปถามที่ร้านกล้อง ก็พอได้ข้อมูลมาบ้างเพราะมันเป็นของรัสเซียไม่ค่อยมีใครเล่น เลยทำให้พบปัญหามากมายในการใช้งาน
  • แบตเตอรี่ ไม่มีขายแถวบ้านครับ (หายาก) บางทีถ้าไฟหมด วัดแสงไม่ได้ก็เดา ๆ เอา
  • ไฟแฟลช หารุ่นที่ใช้งานด้วยไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องซื้อสายมาต่อจากตัวกล้องอีกที
กล้องฟิล์มตัวแรกในชีวิต หนักใช้ได้เลย
หน้าตรง สวยแบบคลาสสิก
ตรงเลนส์มีให้ปรับโฟกัส (หน่วยเป็นเมตร)
และรูรับแสง (Aperture)
ตัวกล้องมีเลนส์แบบ fix มาให้ใช้ถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปแจ่มเลย ถ่ายได้ใกล้สุด 0.5 เมตร จนถึง ∞ (ถ่ายวิว) ส่วนรูรับแสงสามารถปรับได้ตั้งแต่ f 2.0 - f 16 แต่ปัญหาที่เจอคือ ตรงความเร็วชัตเตอร์ถ้าใช้แฟลชด้วยสามารถใช้ได้สูงสุดแค่ 60 เท่านั้น ซึ่งตอนแรกไม่รู้เพราะใช้ไม่เป็น ปรับ 125 ตลอด ปรากฎว่าภาพมีแถบดับ ตอนแรกเข้าใจว่ากล้องมีปัญหา ถามใครก็บอกสาเหตุไม่ได้แต่โชคดีเจอร้านกล้องมีความรู้หน่อยบอกว่าจะใช้แฟลชต้องปรับความเร็วตรงตัวเลขที่เป็นสีแดง เลยได้เอามาใช้ต่อ
ใช้ฟิล์มซึ่งตอนนี้ไม่มีขายแล้วครับ
วันที่ได้กล้องมายังอยู่เลย 22 สิงหาคม พ.ศ.2534
ที่ใส่แบตเตอรี่สำหรับวัดแสง
มีอยู่ช่วงหนึ่งเคยเจอปัญหากล้องค้าง (แผ่นชัตเตอร์) ตอนนั้นตัดใจไม่ซ่อม (ไม่มีเงินขนาดนั้น) ก็ได้แต่เอากล้อง Kodak ปญอ.อันละ 199 บาทมาถ่ายแก้ขัดแทน แต่ก็ยังเอากล้อง KIEV มาหมุน เล็ง ๆ กดโน้น กดนี้ จนสุดท้ายอาการค้างดันหายซะงั้น ก็ไม่รู้ว่ากลไกตรงไหนมันขัด เลยได้เอามาถ่ายต่อเรื่อย ๆ จนครั้งสุดท้ายเอาไปถ่ายงานรับปริญญาที่ธรรมศาสตร์ปี พ.ศ.2544 แล้วก็ปิดฉากกล้องตัวนี้ ปัจจุบันก็ยังเก็บใส่ตู้โชว์อยู่ ก็เก่าไปตามสภาพแต่จับทีไรก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่บันทึกด้วยกล้องตัวนี้เสมอ ヽ(´▽`)/

กล้อง DSLR

ตอน ม.ปลาย รู้จักเพื่อนที่เป็นลูกคนมีอันจะกินครับ มีกล้อง SLR แบบอิเล็กทรอนิกส์ครับ สมัยนั้นไม่รู้จัก แต่รู้ว่ามันเจ๊งมาก Zoom ได้ แถมไม่ต้องมาหมุนปรับโฟกัสเอง แค่แตะ ๆ ปุ่มชัตเตอร์มันก็เล็งโฟกัสให้แล้ว เมพมาก ๆ ส่วนราคาไม่ได้ถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าแพงมาก ๆ

พอได้มาอยู่ในยุคกล้องดิจิตอล กล้อง DSLR ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น พัฒนามากขึ้นจนเป็นที่นิยมแทนกล้องฟิล์ม SLR ได้ 100% โดยเฉพาะตัว CCD ที่มีพื้นที่ใหญ่ทำให้คุณภาพดีกว่ากล้องคอมแพคปญอ.มากครับ และด้วยความที่มีเพื่อนที่ชอบเล่นกล้องได้ซื้อกล้อง mirrorless มาเล่นเพราะกล้อง DSLR ตัวเก่าเริ่มงอแงแล้ว ผมจึงได้ถือโอกาสยืมเอามาเล็ง ๆ จิ้ม ๆ สักหน่อย เพราะไม่ได้จับกล้องแบบเต็มรูปแบบมานานแล้ว
ยืมกล้องเพื่อนมาเป็น Olympus E-510 เปิดตัว พ.ศ.2550
เห็นจอแสดงค่าต่าง ๆ แล้วสุดยอดจริง ๆ กล้องโปรก็อย่างนี้แหละ
จากที่ได้ลองจับจริง ๆ จัง ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมงพบว่าตัวเองก็พอจะมีทักษะที่พอจะใช้งานเจ้ากล้องประเภทนี้คุ้มอยู่ และยิ่งปัจจุบันโหมด Auto มันก็ฉลาดมากจนถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปได้สวยงาม หรือถ้าอยากได้ภาพมีมิติที่พิเศษกว่าโหมด Auto ก็สามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้เองตั้งแต่ค่า F, Aperture, Shutter speed, White balance เยอะแยะตาแป๊ะมาก หรือถ้านึกไม่ออก ก็ลองเอาภาพจากโหมด Auto มาลองศึกษาค่าต่าง ๆ ว่าลดค่าโน้น เพิ่มค่านี้ ได้ภาพออกมาเป็นยังไง
ปุ่มยุ่บยั่บไปหมด แต่จริง ๆ ถ้าเข้าใจหลักการก็ใช้ไม่ยากนะ
สรุปว่าซื้อกล้องใหม่ดีกว่า เพราะใช้แล้วประทับใจภาพที่ได้จากกล้อง DSLR มาก และโหมด Auto และ P ที่ทำออกมาได้ดีมาก สวยทุกภาพเลย แถมจับโฟกัสเร็วมาก ๆ ถ้าเทียบกับกล้องที่มีอยู่ปัจจุบันแล้วมันต่างกันมากจริง ๆ

กล้อง ปญอ. Nikon CoolPix S510

กล้องที่ใช้งานปัจจุบัน (ไม่นับกล้องที่ติดมากับ smartphone และ iPad) ก็คงเป็นตัวนี้ครับ Nikon COOLPIX S510 ตอนนั้นราคาตลาดอยู่ที่ประมาณหมื่นต้น ๆ แต่พอดีเพื่อนซื้อจาก Kingpower มาในราคา 7,000 บาท (มีส่วนลดพอดี) จากการใช้งานที่ผ่านมาพบว่า ระบบกล้องดีกว่ากล้องตลาดล่างจริง ๆ แต่เรื่อง software กลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เคยใช้กล้อง compact ของ Sony ถ่ายได้ง่ายและคุณภาพดีกว่านี้ (เรื่องความง่ายต้องยกนิ้วให้ Sony เขาเลย)

ก็ถ้าถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปก็ดีปกติ ไม่ได้แย่อะไร แต่ในบางเงื่อนไขทำได้แย่เอามาก ๆ โดยเฉพาะการถ่ายในที่แสงจ้า การปรับ White balance ที่ไม่ประทับใจเอาซะเลย ส่วนถ่ายในที่มืดแบบไม่มีขาตั้งทำไม่ได้อยู่แล้ว (บ่นทำไมเนี่ย)
เล็กกระทัดรัดตามแบบฉบับกล้อง compact
Zoom ได้ 3x ตัวกล้องดูมีชาติตระกูล
สมราคาหมื่นต้น ๆ (สมัยปี พ.ศ.2550)
ฟังก์ชั่นกล้องก็ทั่ว ๆ ไป แต่ส่วนตัวคิดว่าจัดวางใช้ยาก
อีกประเด็นที่ไม่ค่อยประทับใจกับเลนส์ Zoom ที่ได้มา รวมถึงการจับโฟกัสที่ทำได้ช้าและใช้ยาก หลายครั้งที่ถ่ายออกมาแล้วเบลอ ส่วน Digital Zoom นี้มีมาให้เป็นของแถมเพราะใช้งานจริงแล้วพบว่าภาพแย่เอามาก ๆ ไม่รู้จะมีมาทำไม ทำให้ได้ข้อสรุปว่าถึงมันจะถ่ายรูปได้งั้น ๆ แต่คุณภาพดีกว่า iPad และ smartphone อยู่ดี เพราะอย่างนัอย image sensor มันก็ใหญ่กว่าและคุณภาพดีกว่า

เห่อกล้องใหม่ Canon EOS M

หลังจากที่ตัดสินใจว่าอยากได้กล้องใหม่ แต่สำหรับกล้องถ่ายรูปก็ยังจัดเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับผมอยู่ดี คือไม่มีไม่ตายแค่อาจจะเศร้าเวลาถ่ายรูปนิดหน่อยเท่านั้น ดังนั้นเรื่องงบประมาณจึงเป็นเรื่องใหญ่ตั้งใจว่าห้ามเกิน 15k และที่สำคัญต้องมีผ่อน 0% อย่างน้อย 6-10 เดือนเท่านั้น ไม่งั้นไม่เอา ก็เลยมาปักธงเรื่องความต้องการกล้องใหม่ว่าใช้งานแบบไหน
  • ไว้ถ่ายตอนไปเที่ยวเป็นหลัก ต้องพกง่าย สะดวก ใหญ่แบบ DSLR คงไม่เอาแน่ ๆ ดังนั้นตัวเลือกจึงเป็น mirrorless
  • ต้องการเลนส์แบบ fix focus ไม่เอา zoom เพราะจากที่ใช้งานมาไม่ค่อยใช้งาน เน้นถ่ายทั่ว ๆ มากกว่า แถมขนาดเลนส์ก็สั้นดีด้วย
  • ต้องมีหน้าจอ touch screen ส่วนปุ่มต่าง ๆ ก็ยังต้องมีให้ครบ ๆ นะ น้อยเกินก็ไม่ดี
  • โฟกัสเร็วก็ดี แต่ช้าหน่อยก็ไม่ว่า ขอให้เร็วกว่ากล้อง compact ที่มีอยู่ก็เอาแล้ว (มักน้อย)
  • ต้องถูกใจ body กล้อง ถ้าไม่ถูกใจ ถูกแค่ไหนก็ไม่เอา อันนี้เป็นความรู้สึกดี ๆ เวลาลูบ ๆ คลำ ๆ ตัวกล้อง
  • ไม่ไปซื้อที่งานกล้อง พอกันที!! เหนื่อย...แก่แล้ว แถมเจอแบบไม่มีของจะเสียอารมณ์เปล่า ๆ
เมื่อก่อนเคยเล็ง Fuji X series เอาไว้ครับ แต่ราคาเอิ่มทะลุงบไปเยอะมากกกกก คือ body ถูกใจสุด ๆ ประสิทธิภาพก็ดี ถึงจะลดราคาแล้วก็ยังเกินงบเยอะอยู่ดี T-T ส่วน Olympus pen ก็ดีนะ Panasonic Lumix GF ก็แจ่มเห็นบอกว่าโฟกัสเร็วด้วย แต่สุดท้ายไม่ชอบการออกแบบ body+software inferace คืออันนี้ไม่มีเหตุผลเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคลจริง ๆ ครับ นั้นแหละก็เลยไม่ได้ซื้อสักทีจนมาเจอโฆษณาชิ้นนี้เข้า

Canon โฆษณาลดราคา EOS M ตอนวันที่ 30 สิงหาคม ในหนังสือพิมพ์
น่าสนใจดี เลยไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า มันเป็นกล้อง mirrorless ตัวแรกของ Canon ที่เอา image sensor ของ 650D มาซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า micro 4/3 และดูภาพที่ได้จาก sensor ตัวนี้คุณภาพดีเลยทีเดียว ถ้าไม่ใช้เลนส์ซูมก็สามารถถ่ายแล้วเอามา crop เฉพาะส่วนที่ต้องการได้สบาย ๆ กับความละเอียด 18M สุดท้ายก็หารีวิวอ่านเรื่อย ๆ จนมาเจอของเว็บ ilovetogo.com ทำเอาไว้ละเอียดมากกกกกก แถมเอาขึ้น youtube กันแบบจัดเต็ม ดูแล้วต้องขอขอบคุณสำหรับรายละเอียดมาก ๆ ตรงนี้ทำให้ตัดสินใจว่ากล้องตัวนี้แหละ ใช่เลย!!!  เหมาะกับเรา


คราวนี้ปัญหาต่อมาคือ Canon มันดันจัดชุดที่ขายแบบแปลกประหลาดมาก ๆ คือตัวถูกสุดชุดที่ 1 ดันเป็นเลนส์ซูม ส่วนชุดที่ 2 เป็นเลนส์ที่ต้องการแต่ดันแถม adaptor ใส่เลนส์รุ่นอื่นของ Canon ได้ ซึ่งเอิ่มมมไม่ต้องการครับในตอนนี้ แล้วราคาก็ดันเกินงบ ส่วนชุดที่ 3 ไม่ต้องพูดถึงไม่ต้องการไฟแฟลชด้วย ส่วนเรื่อง half case ก็ไม่สนใจอ่ะ ก็เลยลองดูในเว็บหรือร้านที่ไม่ใช่ร้านใหญ่พบว่าราคาถูกกว่า 2,000+ บาท ก็เลยกลายเป็นว่าชุดที่ 2 อยู่ที่ 14,900 บาท ไม่เกินงบแล้ว!!!! ก็เลยไปจัดมา 1 ชุดที่ร้านเน็กเพลย์ สาขาแฟชั่นแถวบ้าน
tada!!! ยังหุ้มพลาสติกมาอยู่เลย
กับราคา 14,900 บาท ผ่อน 0% 10 เดือน
แถมกระเป๋ากับSD 8GB
ในชุดมีหนังสือสอนถ่ายภาพมาให้ด้วย
หน้าตาไม่น่ารัก แต่ถูกใจ แน่นหนา บึกบึน
เนื้อสัมผัสแมกนีเซียมอัลลอยเยี่ยมไปเลย
ชอบ interface แบบนี้แหละ ^^
เนื่องจากถ่ายตัวเองไม่ได้ภาพกล้อง Canon เลยต้องถ่ายด้วย iPad จะเห็นว่าหลังไม่เบลอแถม noise ตรึม 555+ จากที่ได้ทดลองใช้งานพบว่า มันโฟกัสช้าจริง ๆ (เทียบกับ Olympus E-510 ที่เอามาลองก็ถือว่าช้า) แต่ก็ไม่ได้ช้าเวอร์ ถ้าจิ้มที่จอแล้วโฟกัสถ่ายก็ถือว่าสะดวกและเร็วดี แต่ถ้าระยะโฟกัสกับภาพที่จะถ่ายห่างมันหาโฟกัสช้าไปนิดนึงนะ แต่คิดว่ารุ่นหน้าคงปรับปรุงไม่งั้นคงแข่งกับชาวบ้านลำบาก ส่วนตัวกลับชอบที่มันโฟกัสช้านิดนึงนะ คือมันจะเห็นภาพตั้งแต่เบลอ ๆ จนถึงชัด ซึ่งตรงนี้ก็จะเห็นว่าถ้าโฟกัสที่จุดต่าง ๆ ได้ภาพออกมาเป็นยังไง กลายเป็นว่าชอบแหะ

สำหรับปัญหาหรือจุดอ่อนอื่น ๆ ก็พอมีวิธีแก้ไขหรือปรับแต่งค่าในกล้องให้รองรับการใช้งานของแต่ละคนได้ ส่วนโหมด Auto จากที่ลองสวยสมกล้อง mirrorless เขาล่ะครับ ^^ สรุปว่าถูกใจคนซื้อ คนอื่นจะว่าไงก็เรื่องขอเขาเราใช้เองไม่ใช่คนอื่นใช้นี่นา เอาข้อมูลจากคนอื่นมาพิจาณาแต่สุดท้ายคนตัดสินใจคือตัวเราเอง


กว่าจะได้ข้อสรุป

ในตอนที่ตัดสินใจว่าอยากได้รุ่นนี้ ใจหนึ่งก็กลัวจะพลาดไปซื้อของไม่ดี ก็เลยพยายามหาข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งส่วนใหญ่ที่เจอคือ ไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะโฟกัสช้า ราคาแพง ยิ่งถ้าคนที่ใช้กล้อง DSLR มาก่อนจะไม่ถูกใจมาก ๆ แม้จะลดราคาแล้วก็ไม่แนะนำให้ซื้อเพราะเดี๋ยวก็มีตัวใหม่ออกมาอีก ก็จริงของเขานะ แต่!!! ถ้ามาพิจารณาในหลาย ๆ ด้านจะพบว่า
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกมือถือ กล้อม คอมพิวเตอร์ มันก็มีรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ทุกปีนั้นแหละ แล้วดีแค่ไหนล่ะถึงจะซื้อ
  • หลายคนใช้กล้อง DSLR มาก่อน ดังนั้นคำแนะนำจะอิงไปทางเปรียบเทียบกับกล้อง DSLR หรือ mirrorless ยี่ห้อที่ทำงานได้ดีพอ ๆ กับ DSLR
  • รูปร่างหน้าตาของกล้อง แต่ละคนให้ความสำคัญไม่เท่ากัน รวมถึงความสามารถในด้านอื่น ๆ ด้วย ได้ใช้รึเปล่าจอพลิกถ่ายรูปตัวเอง Wifi จำเป็นมากไหม
  • ถ้ารอรุ่นหน้าก็ต้องรออีกเป็นปีกว่าจะลดราคาอีก ดังนั้นซื้อเมื่อใช้ ถ้าซื้อมาแล้วได้ใช้ก็ซื้อไปเถอะ
ภาพที่ถ่ายตั้งแต่วันที่ไปซื้อกล้องมาเลยกับอาหารเย็น ถ่ายได้ไม่กี่รูปแบตเตอรี่ก็หมดพอดี ^^ (ถ่ายด้วยโหมด Auto จ้า)
ซื้อมาก็ลองถ่ายอาหารเลย แค่รูปนี้ก็กินขาดแล้ว ปลาแซลมอนเนื้อเป็นเงาเลย 

ได้ภาพชัดตื้นสวยงามมาก แต่ถ้าเน้นให้เห็นทั้งจาน (ชัดลึกขึ้น) ต้องปรับ F เอง

ภาพแสงน้อยก็ไม่มี noise ให้รำคาญใจ ^^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับเจ้าของบล๊อก